เปิดฉากกันไปแล้วสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก
เลกที่ 2 โดยในครึ่งเลกหลังนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างด้วยกัน
ทั้งเรื่องของผู้เล่นแล้วก็ผู้ฝึกสอน โดยวันนี้เราจะมาสรุป
ดีลสำคัญๆที่เกิดขึ้นว่าทีมไหนมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง giving forward
ในเลกที่สองนี้ เมืองทอง แชมป์เก่าจะไม่มี
กองกลางคนสำคัญอย่าง ชนาธิป
ที่ได้เดินทางไปค้าแข็งที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี
แต่เมืองทองก็มีการทดแทนด้วยการเสริมทัพชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เฮอเบอร์ตี้
ที่ทางเมืองทองนั้นซื้อมาตั้งแต่ในช่วงแรกๆของเลกที่ 1 แต่ว่าไม่สามารถที่จะลงทะเบียนนักเตะได้ทัน
เลยทำให้เขาไม่สามารถที่จะลงช่วยทีมได้ในเลกแรก
แต่ว่าก็ได้มีการร่วมฝึกซ้อมกับทีมมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน
อีกหนึ่งนักเตะฝีเท้าดีที่ทางเมืองทองนั้นได้ซื้อมาร่วมทีมนั้นก็คือ อัสสัมเซา
ที่หมดสัญญา หกเดือนกับทางสโมสร ศรีสระเกษ เอฟซี
ก็ได้มาอยู่กับสโมสรเมืองทองเช่นเดียวกัน นอกจากนักเตะต่างชาติแล้วก็ยังมีนักเตะลูกครึ่งที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมอีกด้วยเช่นกัน
ได้แก่แข้งไทยสุดหล่ออย่าง ซัปปุย ที่ได้รับค่าเหนือย
ที่คาดการณ์กันว่าแพงที่สุดในบรรดา นักฟุตบอลไทย โดยมีข่าวลือว่าได้มากถึงเดือนละหนึ่งล้านบาทเลยทีเดียว
นอกจากซัปปุยแล้วก็ยังมีนักเตะไทยอย่าง ทศวรรศ ที่ย้ายมาจากเชียงรายยูไนเต็ด
แต่ว่าสัญญาจริงๆของเจ้าตัวนั้นก็ยังอยู่ที่ อาร์มี่ ยูไนเต็ด
แต่ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้นั้น ทำให้ฟอร์มดอร์ปลงเล็กน้อย
อาจจะเกิดจากการที่นักเตะพึ่งมารวมตัวกันได้ไม่นานและอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวอีกสักพัก giving forward
และอีกหนึ่งข่าวในวงการฟุตบอลบ้านเราที่สามารถสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยนั้นก็คือ
การมาคุมทีมการท่าเรือของซิกโก้เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกุญซือทีมชาติไทย
ที่พาทีมชาติไทยของเรานั้นสามารถคว้าแชมป์ได้หลายๆรายการเลยทีเดียว
โดยว่ากันว่าเงินเดือนของซิกโก้นั้นมากถึงเดือนละ 1 ล้านบาท
ซึ่งถือว่าเป็นโค้ชชาวไทยคนแรกที่ได้รับค่าเหนือยมากขนาดนี้
แต่ว่าการคุมทีมนัดแรกของเขานั้นออกมาไม่ดีหนักเพราะว่าพลาดท่าแพ้ให้กับทีม แบงคอก
ยูไนเต็ด แต่อย่างไรก็ตามก็ยังเหลือเกมส์การแข่งขันอีกหลายนัดที่จะได้ต่อสู้กัน
ก็ต้องคอยดูต่อไปว่า จ่าฝูงในขณะนี้อย่าง บุรีรัมย์
ยูไนเต็ดนั้นจะสามารถรักษาฟอร์มการเล่นได้ดีสักแค่ไหนกัน
และจะไปได้ถึงคว้าแชมป์ได้เลยหรือไม่
ทุกวันนี้ฟุตบอลไทยสนุกและคนไทยก็เริ่มหันมาดูฟุตบอลไทยกันมากขึ้น
พร้อมทั้งหวังว่าต่อไปในอนาคตอันใกล้จะได้รับความนิยมจากแฟนบอลในแถบอาเชียนด้วย
#S7Content
